มะเร็งปากมดลูกเป็นเรื่องใกล้ตัวของผู้หญิงที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว โดยในประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกในแต่ล่ะปีประมาณ 9,000 คน และพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกมากกว่า 4,000 - 5,000 คนต่อปี หรือคิดเป็น 50% ของผู้หญิงที่เป็นโรคนี้เลยทีเดียว วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก ให้สาวๆพึงระวัง และรักษาสุขภาพร่างกายตัวเองให้แข็งแรง ไปทำความรู้จัก มะเร็งปากมดลูกกัน
ที่มาของข้อมูล : sikarin.com
มะเร็งปากมดลูกพบในผู้หญิงตั้งแต่อายุก่อน 30 จนถึง 80 ปี โดยพบมากในช่วงอายุ 35 - 50 ปี พฤติกรรมส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง และรู้สึกเขินอายกลัวที่จะพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก กว่าจะรู้ตัวว่ามีอาการผิดปกติ ความรุนแรงของโรคก็มักอยู่ในระยะลุกลามยากต่อการรักษา
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
-มะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ติดต่อได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การมีคู่นอนหลายคน
-สูบบุหรี่
-รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลายาวนาน
-การตั้งครรภ์หรือมีบุตรหลายคน
-ภูมิคุ้มกันไม่ดี
-การละเลยไม่ไปตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ในระยะเริ่มแรกมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ แต่เมื่อมะเร็งลุกลามอาจมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด เช่น หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ หลังหมดประจำเดือน มีตกขาว ปัสสาวะหรืออุจจาระปนเลือด เกิดจากมะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง
ระยะก่อนลุกลาม
-การตรวจภายใน ทำแพปสเมียร์ และตรวจด้วยกล้องขยาย (Colposcope) ทุก 4 - 6 เดือน รอยโรคขั้นต่ำบางชนิดสามารถหายไปได้เองภายใน 1 - 2 ปี
-การตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า
-การจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น
-การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปกรวยด้วยมีด
ระยะลุกลาม การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับโรคประจำตัวของผู้ป่วยและระยะของมะเร็ง
-ระยะที่ 1 และ 2 บางราย รักษาโดยการตัดมดลูกออกแบบกว้างร่วมกับการเลาะต่อมน้ำเหลืองเชิงกรานออก
-ระยะที่ 2 - 4 รักษาโดยการฉายรังสีร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด
-หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น การมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การสูบบุหรี่
-ตรวจคัดกรองความผิดปกติของปากมดลูก โดยการตรวจแพปสเมียร์ (Pap Smear) และ การตรวจหาเชื้อ HPV
-การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV
วัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV โดยฉีดทั้งหมด 3 เข็ม
-เข็มแรก ฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ
-เข็มที่ 2 ฉีดห่างจากเข็มแรก 1 - 2 เดือน
-เข็มที่ 3 หลังจากฉีดเข็มแรก 6 เดือน
"วัคซีนนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อฉีดให้กับเด็กผู้หญิงอายุ 9 - 14 ปี หรือผู้ที่ยังไม่ผ่านการเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่หากเป็นสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว วัคซีนจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ที่ยังไม่มีการติดเชื้อ HPV หรือไม่มีเซลล์ผิดปกติ "
ปัจจุบันวัคซีนมี 2 ชนิด สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสายพันธุ์ความเสี่ยงสูง สาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่ถึง 75% ประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองชนิดในการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ 16 และ 18 สูงเกือบ 100% ชนิดแรกคือ
วัคซีน Cervarix (2 สายพันธุ์) และ วัคซีน Gradasil (4 สายพันธุ์) เพิ่มการป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ 6, 11 เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ควรไปตรวจภายในและตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งไหนๆ ก็น่ากลัวทั้งนั้น เพราะคาดเดาได้ยากว่าสาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไร หายห่วงเรื่องมะเร็งต้องเลือก แผนประกันมะเร็ง Cancer Can Go พร้อมที่จะให้ความคุ้มครอง ทั้งค่ารักษาพยาบาลและเงินคุ้มครองก้อนใหญ่ หากตรวจพบมะเร็งระยะลุกลาม หากไม่ป่วย จ่ายเบี้ยไม่ทิ้งเปล่า ครบสัญญา รับเงินก้อน
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันมะเร็ง Cancer Can Go ได้ที่ : https://www.kwilife.com/cancer
**โปรดศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์